วันอังคาร 19 มีนาคม 2024
  • :
  • :
Latest Update

ยังจำได้ไหม? คณะราษฎรเคยออกกฏหมายให้”ดนตรีไทย”เป็นเรื่องผิดกฏหมาย

ยังจำได้ไหม? คณะราษฎรเคยออกกฏหมายให้”ดนตรีไทย”เป็นเรื่องผิดกฏหมาย

… ปราชญ์ สามสี เขียนเมื่อ ๒๖ ธันวาคม ๒๕๕๙

การล้าง”วัฒนธรรม-จารีตไทย” ในสมัย คณะราษฎรภายหลัง ปี พ.ศ.๒๔๗๕ ยังคงกำเนิดขึ้นอยู่เรื่อยๆเพราะแนวทาง ของ”คณะราษฎร”ในยุคแรกนั้น มีการพยายามสร้างความชอบธรรมใหม่ขึ้นอย่างต่อเนื่อง ตั้งแต่การสร้างความชอบธรรมเรื่อง รัฐธรรมนูญใหม่ซึ่งยึดโยงกับอำนาจอันเปรียบเท่าเทวดา ของคณะราษฎร…เรื่องนี้ข้าพเจ้าเคยเขียนไปแล้ว สามารถอ่านได้ตามลิ้งค์นี้

“ยุคมืดของสยามกับการบูชาเทพีแห่งรัฐธรรมนูญ” ปราชญ์ สามสี ๑๓ พฤษภาคม ๒๕๕๙

https://www.facebook.com/1403156603326693/photos/a.1403156996659987.1073741826.1403156603326693/1533003727008646/?type=3&theater

การทำลาย ล้าง”วัฒนธรรม-จารีตไทย” ยังคงมีการทำลายมาอย่างต่อเนื่อง ครับ แม้ว่า จะถูกเรียกว่าเป็นการ ปฎิรูป หรือการ อภิวัฒน์ ก็ตาม …
ในยุค ภายหลังการเปลี่ยนแปลงการปกครอง ๑๐ปีต่อมาก็มีการเปลิ่ยนแปลงกฏหมาย ที่”ริดรอนสิทธิเสรีภาพ”ของคนไทยในสมัยนั้นพอสมควร นั้นก็คือ

“มีการสร้างชาติด้วยวัฒนธรรมใหม่ โดยจัดตั้งสภาวัฒนธรรมแห่งชาติขึ้นเมื่อ พ.ศ.๒๔๘๕ เพื่อจัดระเบียบการดำเนินชีวิตของคนไทยให้เป็นแบบอารยประเทศ โดยประกาศรัฐนิยมฉบับต่างๆ อาทิ สั่งห้ามประชาชนกินหมากโดยเด็ดขาด ให้ผู้หญิงเลิกนุ่งโจงกระเบน เปลี่ยนมานุ่งผ้าถุงแทน ให้สวมหมวก สวมรองเท้า ไม่ส่งเสริมศิลปะและดนตรีไทยเดิมแต่ส่งเสริมดนตรีสากล ฯลฯ”

และผู้ใดฝ่าฝืน ก็จะต้อง”ถูกปรับ-จำคุก” ใช่ครับ!!! ถูกปรับ-หากไม่มีก็ต้องจำคุก” !! นั้นแปลว่า การที่ ประชาชนคนไทยยังแต่ง”ชุดไทย” หรือ”เล่นดนตรีไทย”ก็มีโอกาส โดนจำคุกกันได้ทั้งนั้นครับ การ”ปฎิวัติวัฒนธรรม” ตามแนวทางคณะราษฎร นั้น เคยไปถึงจุดที่ แค่ “เล่นเพลงไทยก็ติดคุกกันมาแล้วนะครับ”

ในหนังสือ หลวงประดิษฐไพเราะ (ศร ศิลปบรรเลง) มหาดุริยกวีลุ่มเจ้าพระยาแห่งอุษาคเนย์ โดยอานันท์ นาคคง และ อัษฎาวุธ สาคริก (พิมพ์ พ.ศ. ๒๕๔๗) มีข้อความอ้างถึงคำบอกเล่าจากบุตรีหลวงประดิษฐไพเราะ (บรรเลง สาคริก) โดยตอนหนึ่งกล่าวถึงจอมพล ป. พิบูลสงคราม หนึงในผู้ที่มีอิทธิพลในคณะราษฎร ว่า

“…ท่านหันมาพิจารณาเรื่องศิลปะ เห็นว่าการดนตรีของไทยนั้นคร่ำครึ ล้าสมัย ป่าเถื่อน เป็นที่น่าอับอายแก่มวลมหามิตร ท่านก็เลยออกคำสั่งเป็นทางราชการ ห้ามเล่นเครื่องดนตรีไทยบางชนิดทั่วประเทศ จะเล่นได้ก็แต่ดนตรีสากลเท่านั้น…

การที่ทางการสั่งห้ามนักดนตรีไทยเล่นดนตรีไทยนั้นเป็นคำสั่งที่เด็ดขาด ขนาดที่จะแอบเล่นเองภายในบ้านก็ไม่ได้ เพราะถ้ามีเสียงดังลอดออกไปนอกบ้านอาจมีความผิด นักดนตรีไทยทุกคนรู้สึกเศร้าใจ ท้อใจ หมดกำลังใจ รู้สึกหมดอิสรภาพ ผู้ที่รักการดนตรีทั้งหลายหมดความสุขในชีวิต เสียดายอาลัยที่ศิลปะของชาติจะต้องสูญไป แต่จะทำอย่างไรได้ในเมื่อยุคนั้น… ‘ทุกคนจะต้องเชื่อผู้นำ ชาติจึงจะพ้นภัย’”

หากเราได้ชม ภาพยนต์ “โหมโรง” ที่ว่าด้วยเรื่องดนตรีไทย สมัย คณะราษฎร ก็จะสะท้อน ยุคสมัยของคณะราษฎร ได้เป็นอย่างดี กับการเปลี่ยนแปลงที่ไร้อิสรภาพใน”ความเป็นไทย”

ข้าพเจ้าจึงไม่แปลกใจ ว่าทำไมในปัจจุบัน พวก ขบวนการล้มล้างสถาบันฯถึงหวั่นกระแส ชุดไทยกลับมาเป็นที่นิยมอีกครั้ง (สามารถอ่านได้ตรงนี้)
https://www.facebook.com/siamgreatwarriors/photos/a.1403156996659987.1073741826.1403156603326693/1412967569012263/?type=1&theater

 

อย่างไรก็ตาม ข้าพเจ้าเชื่อแล้วว่าในยุคปัจจุบัน ทำไมเพลงไทยดนตรีไทยถึงกลับมา เฟื่องฟูอีกครั้ง เมื่อข้าพเจ้าได้เห็น สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ทรงพยายามส่งเสริมสนับสนุนฟื้นฟูดนตรีไทย และทรงพระปรีชาสามารถด้านดนตรีไทย จนเป็นที่ประจักษ์ ยังขยายผลให้หน่วยงาน สถาบันการศึกษาตางๆ หันมาจัดกิจกรรมดนตรีไทยเพื่อสนองเบื้องยุคลบาทของพระองค์ เช่น รัฐบาลกำหนดให้มีวงมหาดุริยางค์เพื่อเทิดพระเกียรติพระองค์ ที่ทรงมีคุณูปการด้านดนตรีไทย รวมทั้งเยาวชนรุ่นใหม่ให้ความสนใจดนตรีไทยเพิ่มขึ้น จึงหวังได้ว่าดนตรีไทยจะยังคงอยู่คู่สังคมไทยตลอดไปตราบนานเท่านาน

จนวันที่ ๒ เมษายน ซึ่งเป็นวันเสมือนพระราชสมภพ ของ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี และยังเป็นวัน “อนุรักษ์มรดกไทย”

พระองค์มีพระปรีชาสามารถในหลาย ๆ ด้าน โดยเฉพาะอย่างยิ่งทางด้านอักษรศาสตร์และดนตรีไทย ซึ่งพระองค์ได้นำมาใช้ในการอนุรักษ์ ส่งเสริม และให้การอุปถัมภ์ในด้านศิลปวัฒนธรรมของประเทศ จากพระราชกรณียกิจในด้านศิลปวัฒนธรรมนี้ พระองค์จึงได้รับการทูลเกล้าทูลกระหม่อมถวายพระสมัญญาว่า “เอกอัครราชูปถัมภกมรดกวัฒนธรรมไทย” และ “วิศิษฏศิลปิน