วันศุกร์ 29 มีนาคม 2024
  • :
  • :
Latest Update

เมื่อพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช เสด็จออกผนวช พ.ศ. ๒๔๙๙


ความยาว ๑๓.๔๒ นาที ฟิล์ม ๑๖ มม. / ขาว-ดำ / เสียง
อำนวยการสร้าง สำนักข่าวสารอเมริกัน ผู้สร้าง พิฆเนศภาพยนตร์

ภาพยนตร์สารคดีบันทึกเหตุการณ์เมื่อครั้งที่พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช เสด็จออกผนวช ระหว่างวันที่ ๒๒ ตุลาคม พ.ศ. ๒๔๙๙ จนกระทั่งลาผนวชในวันที่ ๕ พฤศจิกายน ปีเดียวกัน ถ่ายทำโดยสำนักข่าวสารอเมริกัน เพื่อเผยแพร่พระราชจริยวัตรในขณะที่ทรงผนวชให้ประชาชนชาวไทยได้มีโอกาสชื่นชมพระบารมี และซาบซึ้งในพระมหากรุณาธิคุณของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ที่ทรงเป็นตัวอย่างในการเป็นพุทธมามกะที่ดีให้แก่ปวงชนชาวไทย

 

หลังจากที่พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชเสด็จนิวัตประเทศไทยเป็นการถาวรในปี พ.ศ. ๒๔๙๓ และทรงโปรดเกล้าฯ ให้จัดพระราชพิธีบรมราชาภิเษกตามแบบโบราณราชประเพณีเป็นที่เรียบร้อย ในปี พ.ศ. ๒๔๙๙ จึงทรงมีพระราชประสงค์ที่จะทรงผนวช สำนักข่าวสารอเมริกันได้บันทึกเหตุการณ์สำคัญในครั้งนั้นเป็นภาพยนตร์สารคดีเชิงข่าว บันทึกเหตุการณ์เมื่อครั้งที่พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชเสด็จออกผนวช ระหว่างวันที่ ๒๒ ตุลาคม พ.ศ. ๒๔๙๙ จนกระทั่งลาผนวชในวันที่ ๕ พฤศจิกายน ในปีเดียวกันนั้นเอง เพื่อเผยแพร่พระราชจริยวัตรในขณะที่ทรงผนวชให้ประชาชนชาวไทยได้มีโอกาสชื่นชมพระบารมี โดยนำออกฉายเผยแพร่ทั่วประเทศ ภาพยนตร์บันทึกภาพเหตุการณ์ตั้งแต่วันที่ ๒๒ ตุลาคม เมื่อพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชได้เสด็จฯ ไปยังพระที่นั่งพุทไธสวรรย์ พร้อมสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ เพื่อพระราชทานพระราชดำรัสแก่พสกนิกรที่มารอรับเสด็จอย่างเนืองแน่น จากนั้นตอนบ่ายจึงเสด็จพระราชดำเนินไปวัดพระศรีรัตนศาสดารามเพื่อเข้าพิธีผนวช ท่ามกลางพระบรมวงศานุวงศ์และข้าราชการเข้าร่วมพิธีภายในพระอุโบสถวัดพระศรีรัตนศาสดาราม พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงได้รับพระสมญานามจากพระราชอุปัชฌาจารย์ ว่า “ภูมิพโล ภิกขุ” เมื่อทรง ประกอบพิธีสำเร็จเสร็จสิ้น พระภิกษุพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชเสด็จพระราชดำเนินไปประทับที่วัดบวรนิเวศราชวรวิหาร ตลอดทางที่รถยนต์พระที่นั่งเสด็จฯ ผ่านมีประชาชนมาเข้าเฝ้ารอชมพระบารมีอยู่ไม่ขาดสาย บ้างตั้งโต๊ะถวายพระพรไว้ที่หน้าบ้าน ตลอดระยะเวลา ๑๕ วันที่ทรงผนวชพระภิกษุพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชทรงบำเพ็ญพระองค์โดยเคร่งครัดเช่นเดียวกับพระภิกษุอื่น ๆ เมื่อเสด็จลงพระอุโบสถเพื่อทำวัตรเช้าและเย็นจะมีประชาชนมาเข้าเฝ้าเพื่อรอถวายดอกไม้และธูปเทียนเป็นจำนวนมากจนทางวัดต้องนำดอกไม้และธูปเทียนที่ประชาชนนำมาถวายไปแจกจ่ายแก่วัดอื่น ๆ ในภาพยนตร์เราจะได้เห็น ม.ร.ว. คึกฤทธิ์ ปราโมช ซึ่งเป็นไวยาวัจกรของพระภิกษุพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชนำเสด็จอยู่เสมอ และภาพสมเด็จพระวันรัต (ปลด กิตฺ̣ติโสภโณ) ซึ่งเป็นพระอนุศาสนาจารย์ไว้ด้วยนอกจากนี้ยังได้บันทึกพระราชกรณียกิจ ในขณะที่ทรงผนวช เช่นในวันที่ ๓๑ ตุลาคม ได้เสด็จพระราชดำเนินไปยังทำเนียบรัฐบาลเพื่อทรงรับบิณฑบาตจากพระบรมวงศานุวงศ์และคณะรัฐบาล โดยมีรัฐมนตรีและภริยาเป็นผู้ถวายอาหารบิณฑบาต ในภาพยนตร์จะได้เห็น จอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต์ ซึ่งในขณะนั้นดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม ตักบาตร ต่อมาในวันที่ ๑ พฤศจิกายน ได้เสด็จไปสักการะพระปฐมเจดีย์ ซึ่งนับเป็นปฐมบทแห่งศาสนาพุทธในประเทศไทย ในระหว่างที่ทรงผนวชนั้น ทรงแต่งตั้งให้สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถทรงเป็นผู้สำเร็จราชการแทน และได้ทรงปฏิบัติพระราชกรณียกิจในการถวายผ้าพระกฐินหลวงที่วัดบวรนิเวศราชวรวิหาร และเสด็จฯไปในงานพระราชทานเพลิงศพหม่อมเจ้าหญิงประสงค์สม บริพัตร ที่วัดเทพศิรินทร์ โดยพระภิกษุพระบาท สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวได้เสด็จพระราชดำเนินด้วย ปี พ.ศ. ๒๔๙๙ ประเทศไทยเพิ่งมีกิจการโทรทัศน์ คือของบริษัทไทยโทรทัศน์ ช่อง ๔ บางขุนพรหม แต่การแพร่ภาพยังมีรัศมีจำกัดเฉพาะในพระนครและจังหวัดรอบ ๆ และจำนวนเครื่องรับยังมีเพียงเล็กน้อย เข้าใจว่ายังไม่มีการถ่ายทอดสดพระราชพิธี และการเผยแพร่ในรายการของสถานีก็คงมีจำนวนผู้ชมได้เพียงเล็กน้อย ดังนั้นภาพยนตร์จึงยังมีบทบาทสำคัญในการเข้าถึงประชาชนทั่วประเทศ ภาพยนตร์นี้จึงถูกส่งไปฉายตามโรงภาพยนตร์ทั่วประเทศ และตามหน่วยฉายภาพยนตร์กลางแปลงทั่วประเทศ

ข่าวคุณข้อมูลจาก Film Archive Thailand (หอภาพยนตร์)