วันศุกร์ 29 มีนาคม 2024
  • :
  • :
Latest Update

แผ่นดินอยู่ด้วย ‘ไม่กิน-ไม่โกง’ – เปลว สีเงิน

 

รัฐบาลต้องยอม “ทนฟังเสียงด่า” หน่อยนะ!

และไม่ต้องแก้ตัว ว่า
“เปล่าสั่ง” สนช. ………..
ให้ใช้เทคนิคทางสภา ขยายเวลาเลือกตั้งจากกำหนดเดิมไปอีก ๙๐ วัน
คือตามเงื่อนไขร่างกฎหมายเดิม
ปลายปี ๖๑ ประมาณ พฤศจิกา มีเลือกตั้งแน่
แต่ตอนนี้ ไม่แน่แล้ว……….
อาจต้องเลื่อนไป ประมาณเดือนกุมภา ปี ๒๕๖๒ โน่น!
ผมใช้คำว่า “อาจจะ” ไปงั้น
เพราะนี่เป็นชั้นคณะกรรมาธิการร่างกฎหมายลูกว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส.เขาแก้ร่างจากเดิม ไปเป็นอย่างนี้
ต้องรอดู ๒๕ มกรา………..
เป็นกำหนดวันที่สมาชิก สนช.เขาจะประชุมกัน เพื่อประกอบพิธีกรรม แสดงวาทกรรมปลุกเสก
ก่อนลงมติ โอเค เอาตามนั้น!
คือ ขยายเวลาบังคับใช้กฎหมาย “หลังประกาศราชกิจจานุเบกษาออกไป ๙๐ วัน”
หมายความว่า เมื่อกฎหมายฉบับนี้ผ่านสภา และประกาศราชกิจจาฯ แล้ว
นักเลือกตั้งทั้งหลาย นั่งเกาอยู่ในที่ตั้งก่อน ห้ามกระดุก-กระดิก
จนผ่านไป ๙๐ วัน……..
นั่นแหละ กฎหมายฉบับนี้ ถึงจะมีสรรพคุณใช้ได้ และได้เลือกตั้งกัน!
แต่ถ้ามีใครถามย้ำว่า “ต้นปี ๖๒ ได้เลือกตั้งแน่นะ?”
ผมคงต้องตอบว่า………
“เอาเกียรติคนชื่อประยุทธ์เป็นเดิมพัน!”
ท่านพูดคำไหน ตั้งแต่ปีแรก จนเข้าปีที่ ๔ ใครเคยเห็น “คำไหน-เป็นคำนั้น” บ้างล่ะ?
จะว่าท่านพูดจาหาความน่าเชื่อถือไม่ได้ ก็ไม่ถูก เพราะท่านใช้เวลาเทพ คือ ๑ วันสวรรค์ เท่ากับ  ๑๐๐ ปีมนุษย์
ฉะนั้น ที่ท่านบอก………….
“เราจะทำตามสัญญา ขอเวลาอีกไม่นาน แล้วแผ่นดินที่งดงามจะคืนกลับมา เราจะทำอย่างซื่อตรง  ขอแค่เธอจงไว้ใจและศรัทธา แผ่นดินจะดีในไม่ช้า ขอคืนความสุขให้เธอ ประชาชน“
“เวลาอีกไม่นาน” ของท่าน เป็นเวลาบนสวรรค์ ความสุขบนสวรรค์ เป็นความสุขทิพย์ ไม่ได้เกิดจากเลือกตั้ง
ฉะนั้น ถ้าใครใช้เวลามนุษย์ไปทึกทักตามสัญญิง-สัญญานั้น และหลงเข้าใจว่า ความสุขคนไทย จะมีได้จากเลือกตั้ง
ก็ช่วยไม่ได้ และเสียใจด้วย!
สำหรับผมนั้น เข้าใจได้ และมองเห็นเหตุผลที่ต้องขยายเวลาเลือกตั้งออกไป
ไม่เกี่ยวกับ “ใต้ดิน-บนดิน” อะไรหรอก ถ้าดูตามขั้นตอน “พรรคเตรียมตัว” ตามกฎระเบียบใหม่ของรัฐธรรมนูญ
ถ้าตามร่างฯ เดิม ประกาศปุ๊บ มีผลบังคับใช้ปั๊บ แต่ละพรรค “ฉุกละหุก” แต่งตัวลงเลือกตั้งกันไม่ทันแน่
ถ้าจะโทษ ก็ต้องโทษ “คำสั่งนายกฯ” ฉบับที่ ๕๓ นั่นแหละ เป็นตัวเหตุนำไปสู่การขยายกำหนดวันเลือกตั้ง
อย่าไปโทษ สนช.หรือ กรรมาธิการร่างฯ อะไรเขาเลย
ควรชมเขาด้วยซ้ำ ว่าคิดรอบคอบ “ทุกด้าน” ทั้งด้านพูดได้และไม่ควรพูด นำไปสู่การขยายกรอบเวลา “เผื่อสั้น-เผื่อยาว” ไว้ล่วงหน้า
อันที่จริง ตอนคำสั่ง คสช.ที่ ๕๓ ออกมา นักเลือกตั้งก็โวย ว่าแบบนี้ ทำให้ไม่มีเวลาเตรียมพรรคตามรัฐธรรมนูญ
นายกฯ ก็รับปากตอนนั้น ว่าจะแก้ไขให้………
แล้วนี่ สนช.เขาก็แก้ให้แล้วไง
จะไปสำรวจสำมะโนประชากรสมาชิกพรรค จะไปทำไพรมารีโหวต จะตั้งพรรคใหม่ เขาก็ทดเวลา “บาดเจ็บหัวใจ” ให้แล้ว จะโวยวายอะไรกันอีก?
จะว่าไป เลือกตั้งพฤศจิกาตามกำหนดเดิม กับเลื่อนไปกุมภา-มีนา ๖๒ มันก็ไม่ต่างกันตรงไหน
จะผิด ก็ตรง “ผิดใจ” นักเลือกตั้งนั่นแหละ
เหมือนคนติดคุก ๑ วัน นานเหมือน ๑ ปี ตรงข้ามกับคนอยู่นอกคุก ๑ วัน ไม่ทันกะพริบตา อ้าว…หมดวันแล้ว!
นี่พูดในความหมาย “อารมณ์ชาวบ้าน” อยู่ในบรรยากาศปกติ
แต่ตอนนี้ ต้องบอกว่า ไม่ปกตินัก
เท่าที่ดู มาจาก ๒ เรื่อง “กระแทกใจ” ชาวบ้าน ที่ไม่ค่อยสบอารมณ์รัฐบาลและนายกฯ ประยุทธ์
ในส่วนชาวบ้าน ต่อให้สนับสนุนรัฐบาล รักนายกฯ ประยุทธ์ขนาดไหน
แต่ถ้าเจอคำพูดที่ไม่อยู่กับร่อง-กับรอยซ้ำแล้ว ซ้ำเล่า มันก็เอียน ชักจะไม่ไหวเหมือนกัน
ชาวบ้านจะเกิดความรู้สึกว่า……..
นายกฯ อาศัยความเชื่อถือศรัทธาประชาชน พูดจาให้หลงเชื่อ แล้วกลิ้งไปแต่ละปี ทำแบบนี้ เห็นชาวบ้านเป็น “ตัวโง่-ตัวงั่ง” ของท่านหรืออย่างไร?
และ “แต่ละคำ” ที่พูด “แต่ละวัน” ขณะนี้…….
“วลีไหน” มีทองคำในน้ำคำให้เชื่อ?
ประเด็นนี้ ยังไม่หนักหนา ถ้ารัฐบาลอธิบายถึงความจำเป็น “เป็นเหตุ-เป็นผล” ให้ชาวบ้านได้เข้าใจ
แต่กรณี “นาฬิกาเพื่อนให้ยืมวนใส่” นี่ซี
ตอนนี้ มันเลยขั้น “บาดแผลเฉพาะตัว” พลเอกประวิตร ผู้เป็นพี่ใหญ่นายกฯ
เขยิบสู่ระดับ………..
“ไวรัสคอร์รัปชัน” ระบาด ครม.รัฐบาล คสช.ไปแล้ว!
อ้างรัฐบาลระบอบทักษิณคอร์รัปชัน ทหารต้องเข้ามาควบคุมอำนาจประเทศ
แต่ปรากฏว่า………..
รัฐบาลทหารที่เข้ามา หัวแถวทหารที่อ้างเข้ามาปราบคอร์รัปชัน ใส่นาฬิกาเรือนละนับแสน-นับล้าน  ๒๐-๓๐ เรือน
ถามว่า “เอามาจากไหน?”
ตอบว่า “เพื่อนให้ยืมวนใส่” แถมเพื่อนตายแล้ว คืนไปหมดแล้ว!
“ล้มละลาย” ทางความเชื่อถือทันที!
เชื่อถือ “ทหารไม่คอร์รัปชัน?”
เชื่อถือ “รัฐบาล คสช.เข้ามาล้างคอร์รัปชัน”?
เชื่อถือ “นายกฯ ประยุทธ์” ยึดชาติมากกว่ายึดพวก?
ถามว่า “แค่นาฬิกาเพื่อนเทียบกับโกงจำนำข้าวมันเล็กน้อยกว่ากันมิใช่หรือ”?
ตอบว่า เป็นความคิดด้วย “ตรรกะคนละฐาน”
ขึ้นชื่อว่า “โกง-คอร์รัปชัน”……
จะ ๑ บาท หรือ ๑ ล้าน ค่าแห่งความไม่ซื่อสัตย์-สุจริต เท่ากัน เป็นบุคคลอันสังคมชาติรังเกียจ ขยะแขยง ไม่ยอมรับเท่ากันส่วนผลจาก “ราคาทรัพย์” ที่โกง นั่นกฎหมายเป็นฝ่ายกำหนดค่าด้วยบทลงโทษหนัก-เบา ซึ่งคนละเรื่อง คนละกรณีกัน
จะเอามามั่วสรุปว่า…….
เรื่องนาฬิกาเป็นเรื่องเล็กน้อย ไม่ควรขยายเป็นเรื่องใหญ่ พูดอย่างนี้ คิดอย่างนี้ ผิดมหันต์!
นิดหน่อย ขนาดนาฬิกายังตุกติก
แล้วคิดสิ……….
เรื่องใหญ่ ขนาดรถถัง-เรือบิน-เรือดำน้ำ อะไรมันจะเหลือ?
ขนุนสนามหลวงลูกเดียว ขอทานหิวโซเอาไปกิน ยังติดคุกเป็นบรรทัดฐานแห่งการตุกติกให้ปรากฏ
ขนุนลูกละเท่าไหร่ สมัยนั้น ๑ บาทก็ซื้อได้
เทียบกับนาฬิกา ๒๕-๓๐ เรือน มูลค่า ๔๐-๕๐ ล้าน สังคมจับจ้อง ถามว่าได้มาอย่างไร โปรดแจง
กลับตอบ…ของเพื่อนให้ยืมใส่!
ตอบได้ แต่ผิด-ถูก “ทางกฎหมาย” ระบบกฎหมาย จะเป็นฝ่ายชำระ
ส่วนทางสังคม ในทางบริหาร ประชาชน “ยอมรับไม่ได้” ถ้าถือดีในอำนาจดื้อแพ่ง-ท้าทาย
สังคมจะเป็นฝ่ายชำระ!
ฉะนั้น ผมว่าประเด็นหลังนี้ ถ้าพลเอกประวิตร ในฐานะ “พี่ใหญ่”
ไม่รื้อฟื้นสัญชาตญาณ “ชายชาติทหาร” ขึ้นมาแสดงความรับผิดชอบทางสังคม
และทั้ง “นายกฯ ประยุทธ์” ไม่เชื่อว่าประชาชนจะจริงจังกับแนวคิด “อย่าเอาประโยชน์ชาติตอบแทนบุญคุณส่วนตัว” แล้วทำเฉย ละก็
มีความเป็นไปได้สูง……..
ที่จะพบกับความจริง ที่ว่า “ไม่มีใครสำคัญถึงขนาดที่ประเทศชาติจะขาดเขาไม่ได้”!
บนความหวังจาก พฤษภา ๕๗……….
ทหารมา คอร์รัปชันจะถูกล้างไปจากแผ่นดิน
ทหารมา ระบบราชการจะได้รับการปฏิรูป
จนถึงวันนี้ ๒๒ มกรา ๖๑………..
ทหารอยู่ คอร์รัปชันก็ยังธำรง เห็นจากพี่ใหญ่
ทหารอยู่ เศรษฐกิจได้เห็นทางปฏิรูป แต่ระบบราชการไม่เห็นทางไหนเลย!
ในขณะที่ประชาชนยังเอา “นายกฯ ประยุทธ์”
และนายกฯ ประยุทธ์ ยังเอางานปฏิรูปเศรษฐกิจและระบบราชการ สะอาดใส ในเรื่องทุจริตคอร์รัปชัน
แผ่นดินที่งดงามจะกลับคืน ด้วยนายกฯ ประยุทธ์ยืนอยู่ได้ มีทางเดียว คือ
พี่ใหญ่…….ต้องไป!

 

http://www.thaipost.net/main/detail/1475