วันศุกร์ 19 เมษายน 2024
  • :
  • :
Latest Update

คนที่ล่วงเกินศาสนาคนอื่นในสังคมนั้นไม่ถือว่าเป็น เอทิสต์

วันนี้ผมได้ยินคำพูดประโยคหนึ่งว่า “ใครฝืนกระแสของโลก นอกจากไม่ทันโลกแล้ว จะโดนโลกทั้งใบบดขยี้” แล้วตามด้วยประโยคตรายางปั๊มลงมาแบบไม่ต้องใช้สมองคิดให้มากนักจำพวกคำว่า ไดโนเสาร์ คนพ้นยุค คนไม่ทันกระแสโลก บลา บลา บลา… ถึงวันนี้แล้วยังกล้าดีอีก…


ผมเองอยากจะย้อนถามกลับไปว่า “ถึงวันนี้ เหตุการณ์ทั้งหลายทั้งปวงล่วงเลยจนมาจนถึงระดับนี้ ยังกล้าดีที่จะพูดแบบนี้อีกหรือ” ผมเอาคำถามของพวกเขาย้อนกลับไปถามยังพวกเขาเอง


******************************************


คนที่ประกาศตนว่าเป็น เอทิสต์ (atheist) หรือ อศาสนิก คือคนที่ไม่นับถือศาสนาใดๆ จากที่ผมคบหารู้จักพวกเขามาไม่น้อยเลย บางคนผมก็เคยใช้ชีวิตร่วมสังคนใกล้ชิดมาพอสมควร ส่วนมากล้วนแต่เป็นคนที่ดีที่ใช้ได้ในระดับหนึ่ง ซึ่งพวกเขาจะไม่ล่วงเกินศาสนาหรือความเชื่อของคนอื่น ต่างคนต่างอยู่ตามความเชื่อของตนเอง


แต่คนที่ล่วงเกินศาสนา(เดิม)ของตนเอง หรือศาสนาของคนอื่นในสังคมนั้นไม่ถือว่าเป็น เอทิสต์ แต่ถือว่าเป็นพวกต่อต้านศาสนาที่แอบเอาหน้ากากของเอทิสต์มาใส่แล้วทำให้เอทิสต์ดีๆ มีภาพพจน์ที่เสียหายไปด้วย


******************************************


ศีล นั้นแปลว่า ‘ปกติ’ มาจากคำว่า ศี ล(ะ) ของภาษาสันสกฤต และคำว่า สี ล(ะ) ของภาษาบาลี ที่ขยายความหมายว่าปกติของมนุษย์นั้นโดยพื้นฐานมีห้าข้อนั่นคือ ไม่ฆ่า ไม่ขโมย ไม่ประพฤติกามแบบมั่ว ไม่ไร้สติด้วยสิ่งมึนเมา ไม่พูดเท็จ นั่นคือสิ่งที่เป็นพื้นฐานโดย**ปกติ**ของมนุษย์


นั่นคือปกติของสังคมที่มีแต่คนปกติอยู่ร่วมกันโดยไม่ต้องระแวงกันว่าจะมีใครทำตัวผิดจากพื้นฐานของการเป็นมนุษย์ ซึ่งจะเรียกคนกลุ่มนี้ว่า ว่าผู้มีจิตใจสูง ที่มาจากคำว่า มโน+อุษย์ คือ มนุษย์


ถ้าทำได้น้อยกว่านี้จะถือว่าไม่ใช่มนุษย์ปกติธรรมดา จะมี 3 จำพวกคือ


*** ถ้าคนนั้นไร้ศีลทุกข้อจะเรียกว่า มนุสสเนรยิโก หรือมนุษย์สัตว์นรก พร้อมที่จะทำร้ายผู้อื่นหรือสร้างปัญหาให้คนรอบข้างแบบเกินกว่าจะจินตนาการได้

*** ถ้ายังพอมีศีลในบางข้อแต่ยังมีความโลภในสิ่งที่ไม่ใช่ของตัวเองจนต้องลักขโมยของผู้อื่น จะเรียกว่า มนุสสเปโต หรือมนุษย์เปรต

*** ถ้ายังพอมีศีลอยู่บ้างแต่ยังไม่รู้จัก บาปบุญคุณโทษ ไม่รู้จักสำนึกที่ดีแก่ผู้ที่เคยให้ความช่วยเหลือหรือเคยให้ประโยชน์ ไม่รู้จักบุญคุณใครก็ตามที่เคยทำให้ตนเอง ทำตัวไร้สติ จะไร้สติด้วยสิ่งมึนเมา หรือไร้สติด้วยเหตุจากมีโมหะคือความหลงผิดในใจมาก จะเรียกคนนั้นว่า มนุสสติรัจฉาโน หรือมนุษย์สัตว์เดรัจฉาน หรือแปลว่ามนุษย์ที่ไปทางขวาง มนุษย์ที่คิดขวางโลกไปเสียทุกเรื่องแบบไร้เหตุผล ไม่ต่างกับลำตัวที่ทอดตัวขนานกับพื้นโลกเหมือนสัตว์ ไม่ได้ตั้งตัวตรงเหมือนมนุษย์


แต่ถ้ามนุษย์คนใดมีความปกติครบทั้ง 5 ข้อ จะเรียกว่ามนุษย์ปกติ หรือ มนุสสภูโต แปลว่ามนุษย์แท้เป็นคนเต็มตัว


แต่ถ้ามนุษย์คนใดนอกจากมีความปกติครบทั้ง 5 ข้อแล้วยังทำได้ดีกว่านั้น


*** นอกจากไม่ฆ่าแล้วยังมีความเมตตาแก่สัตว์โลก

*** นอกจากไม่ขโมยแล้วยังให้ทานที่เป็นส่วนเกินของตนเองแก่ผู้เดือดร้อนหรือยากไร้กว่าตน

*** นอกจากไม่มั่วในกามแล้วยังประพฤติ สทารสันโดษ หรือยินดีในสามีหรือภริยาของตน (อย่าเอาไปสับสนปนเปกับ เมถุนวิรัติ หรือไม่เสพเมถุน เพราะนั่นคือพรหมจรรย์ของนักบวช ไม่ใช่สิ่งปกติของผู้ครองเรือน)

*** นอกจากไม่เสพสิ่งมึนเมาให้ไร้สติแล้วยังประพฤติตนเจริญสติให้มีสติดีขึ้น มีสติกำกับในทุกสิ่งทุกอย่างในการดำรงชีวิต

*** นอกจากไม่โกหกแล้วยังพูดจาในสิ่งที่เป็นสาระประโยชน์ พูดจาอ่อนน้อมถ่อมตนต่อผู้ที่เจริญกว่า และพูดจาสาระธรรมแก่คนรอบข้าง


มนุษย์ที่สามารถทำได้มากกว่าเช่นนี้จะเรียกว่า มนุสสเทโว หรือมนุษย์เทวดา


**********************************************


บางครั้งผมอยากพูดให้คนที่ใกล้ชิดกับผม รวมถึงท่านอื่นๆ ที่ติดตามอ่านสิ่งที่ผมเขียนได้เข้าใจสิ่งหนึ่งว่า ทุกศาสนานั้นมีคำอธิบายเหตุการณ์บางอย่างว่าเป็นการทดสอบจากพระเจ้าที่มีแก่ผู้ศัทธา 
แต่ศาสนาพุทธนั้นจะใช้คำว่า เข้าถึงคำสอนของพระพุทธเจ้าหรือไม่ ถ้าเข้าถึงก็จะไม่หงุดหงิดให้รำคาญใจ จิตใจไม่วุ่นวาย และเข้าใจว่าพวกปากหมาเหล่านั้นมันเป็น ‘ตถตา’ แปลว่าสันดานของพวกมันเป็นเช่นนั้นเอง