“ยิ่งลักษณ์” น่ะ……
เหมือน “คนตกน้ำตาย” ใหม่ๆ!
ป่วยการไปงมศพ
นอกจากไม่พบแล้ว ยังเหนื่อยเปล่า ต่อให้รู้จุดตก ก็ไม่มีทางรู้ ว่าทิศทางกระแสน้ำ พัดพาไปใกล้-ไกลทางไหนแล้ว
ทำใจร่มๆ รอซักวัน-สองวัน
เดี๋ยวก็ขึ้นอืด โผล่ขึ้นมาเองตามธรรมชาติ!
ควรทราบว่า …………
ขณะนี้ ยิ่งลักษณ์เป็นเพียง “จำเลย” หนีศาล ไม่ใช่นักโทษหนีคำตัดสินศาล
เพราะศาลยังไม่ได้ตัดสินว่าเธอผิดหรือไม่ผิด
ซ้ำคดีของเธอ เป็นคดีอาญา ข้อหา “ละเว้นปฏิบัติหน้าที่” ไม่ใช่คดีการเมืองที่จะใช้อ้างไปขอลี้ภัยที่ไหนได้
ดังนั้น………
ก่อนถึงวันที่ ๒๗ กันยาที่ศาลนัดให้ไปฟังคำตัดสินอีกครั้ง จำเป็นอยู่เองที่ยิ่งลักษณ์และผู้ให้สถานที่หลบซ่อน-พักพิง
ต้อง “กบดาน” นิ่งที่สุด!
ที่จะเคลื่อนไหว หรือใครจะกระแดะส่งสัญญาณ ยู้ฮู…ปูอยู่นี่ คิดถึงทุกคน รักทุกคนนะ จุ๊บๆๆ ให้ตำรวจจับเบาะแส ไปลากคอได้ แบบนั้น คงไม่มี
เว้นแต่บ้องตื้นเอง!
หมายความว่า ๒๗ กันยา ยิ่งลักษณ์จะโผล่ไปศาลงั้นหรือ?
ก็เป็นไปได้………
ซึ่งนั่น หมายความว่า ยิ่งลักษณ์ต้องได้รับ “ข้อมูลใหม่” จนมีความมั่นใจทางผลคดีอย่างใด-อย่างหนึ่ง
แต่อย่าลืม ในอุ้งมือ-อุ้งตีนระบอบทักษิณ เต็มไปด้วยผู้ชำนาญการทางกฎหมาย ระดับอดีตตุลาการ อดีตทนายแผ่นดิน อดีตอาจารย์สอนกฎหมาย อธิการบดีมหาลัย และทนายเป็นร้อย
ป่านนี้ ทั้งหงอก-ไม่หงอก
คงสุมหัวนำคำพิพากษาคดีจีทูจีบุญทรงเข้าสมการกฎหมายในส่วนสัมพันธ์ยิ่งลักษณ์กันแล้ว
เพื่อชั่งน้ำหนัก……….
“ทางเข้าคุก” กับ “ทางกลับบ้าน” ทางไหน จะเป็นทาง “น่าจะเป็น” มากกว่า สำหรับคดียิ่งลักษณ์?
เพราะฉะนั้น ช่วงก่อนถึง ๒๗ กันยาถือว่ายิ่งลักษณ์ยังอยู่ในรันอิน ตามคำสั่งศาล จะว่าหนี ก็ยังไม่เต็มปาก จะว่าหลบดูเชิง ก็ไม่ใช่
พูดกันกลางๆ ตามนัย คือ………
ตอน ๒๕ สิงหา เธอไม่มั่นใจว่า เพาเวอร์ระบอบทักษิณเคลียร์ได้แค่ไหน จึงดำดินหายไปก่อน ทำตกตะลึงกันทั้งพาราได้ ฉันใด
๒๗ กันยา ถ้าเธอมั่นใจ โผล่ขึ้นมาเหนือดิน “ไปศาล” ให้ตกตะลึงกันทั้งพาราในวันนั้นได้ ก็ฉันนั้น
ยกประโยชน์ให้จำเลยว่า ตอนนี้ เธออยู่ในช่วง “ทดเวลาพิเศษ” ที่ศาลให้ก็แล้วกัน
แต่สมมุติ ทีมงานฟอกถ่าน ถอดรหัสกฎหมายแล้ว “ไม่น่ารอด”
ในช่วงรอยต่อเวลาทดนั้น เธออาจเดิน “แต้มสุดท้าย” ก็ได้
คือ ถึง ๒๗ กันยาก็ยัง “กบดาน” เงียบ
ไม่เคลื่อนไหวให้รู้ว่าซุ่มซ่อนอยู่ไหน ทั้งไม่ไปตามศาลนัด!
ถึงขั้นตอนนี้ ตามเงื่อนไขกฎหมาย ศาลอ่านคำพิพากษาลับหลังจำเลยได้
ถ้าผลออกมา “ติด” ก็เตลิดไปเลย
ถ้า “หลุด”………
ปูก็เผยโฉมกลับบ้านซิคะ จะมุดรูให้หูท่วมน้ำไปหาหอกอะไร!
เหมือนคดีทุจริตที่ดินรัชดาฯ ที่ “ทักษิณ-พจมาน” ตกเป็นจำเลยเป๊ะเลย
คือถึงวันที่ “ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง” นัด ๒ ผัวเมีย มาฟังคำตัดสิน
๒ ผัว-เมีย หนีออกนอกประเทศ!
ศาลเลื่อน นัดให้มาฟังคำตัดสินใหม่ จากเดือนกันยาไปวันที่ ๒๑ ตุลา ๕๑ พร้อมออกหมายจับ “ทักษิณ-พจมาน”
ถึง ๒๑ ตุลา พ่อกิ่งทอง-แม่ใบหยก “นัดแล้วก็ไม่มา” อีก
ศาลจึง “อ่านคำพิพากษาลับหลัง”
ตัดสินจำคุกทักษิณ-ผู้ผัว ๒ ปี
ส่วนทางพจมาน-ผู้เมีย……….
ศาลยกฟ้องโจทก์ ไม่มีความผิด
เมื่อไม่มีความผิด………….
“พจมาน” ผู้บริสุทธิ์ ประดุจน้ำค้างกลางหาว ก็นวยนาดกลับคฤหาสน์ “จันทร์ส่องหล้า”
เสวยสุขนับจากนั้นต่อมา ทุกทิพา-ราตรีกาล!
เนี่ย…แล้วปูจะเดินตามรอยพี่ชาย-พี่สะใภ้บ้าง มันแปลกตรงไหน?
วันที่ ๒๗ กันยารอฟังคำพิพากษาลับหลังก่อน
ถ้าติด “หนีจนตาย” ไปเลย
ถ้าไม่ติด คือยกฟ้อง ค่อยกลับมา ตาม “สูตรหน้าด้าน” ประจำตระกูล
ก็แค่นี้แหละ จะต้องยกสวะมาเป็นซุงเป็นวรรค-เป็นเวรไปทำไม?
มันอยากหนี ก็ดีแล้ว …….
จะได้ตัดบัญชีคนชื่อนี้ไปจากประเทศไทยตลอดชาติไปเลย เว้นแต่ยอมกลับมาเข้าคุกก่อนเท่านั้น
เราเอ่ยนามบุคคลที่สมควรได้รับการคารวะ-ขอบคุณจากคนไทยไปแล้ววันก่อน ที่ทำคดีทุจริตในโครงการรับจำนำข้าวมีผลสำเร็จ
ยังมีบุคคลอีกคณะที่ “คู่ควรแก่การยกย่อง” คือ
คณะอัยการสูงสุด ที่รับคดีจาก ป.ป.ช.แล้ว “สานต่อ” จนสมบูรณ์
เอกสารที่ต้องอ่าน เป็นหมื่นๆ แสนๆ แผ่น ร่อนเป็นผลึก แล้วเรียบเรียง-ร้อยรัด-เชื่อมโยง เข้าด้วยกันแต่ละมาตรากฎหมาย เป็นสำนวนฟ้องต่อศาลจนมีผลประจักษ์
ก็จาก “อุตสาหะ-วิริยะ-มั่นคง” ต่อหน้าที่ “ทนายแผ่นดิน” ของท่านทั้ง ๑๐ ดังต่อไปนี้
-นายวุฒิพงศ์ วิบูลย์วงศ์ รองอัยการสูงสุด
-นายกิตติ บุศยพลากร ผู้ตรวจการอัยการ
-นายชุติชัย สาขากร อธิบดีอัยการ สำนักงานคดีปกครอง รักษาราชการแทนอธิบดีอัยการสำนักงานคดีพิเศษ
-นายสุรศักดิ์ ตรีรัตน์ตระกูล อธิบดีอัยการสำนักงานการสอบสวน
-นายภาณุพงษ์ โชติสิน รองอธิบดีอัยการสำนักงานคดีพิเศษ
-นายกิตินันท์ ธัชประมุข รองอธิบดีอัยการสำนักงานการสอบสวน
-น.ส.ปราณี รัตนชัยวงศ์ อัยการพิเศษฝ่ายคดีพิเศษ ๕
-นายวิทูร สุรวัฒนานันท์
-นายรุ่งโรจน์ แจ่มพิทยากรณ์ อัยการจังหวัดประจำสำนักงานคดีพิเศษ ๕
-นายธรรมรงค์ชัย วงษ์สวัสดิ์ อัยการจังหวัดประจำสำนักงานการสอบสวน ๒
ก็เหนื่อยมากนะ………
ขอโทษ พูดตามสำนวนชาวบ้าน มัน “เหนื่อยรากเลือด” ประมาณนั้นเชียวแหละ
เพราะคดีจำนำข้าวนี้ ยอกย้อน-ซ่อนเงื่อน ไม่เพียงแง่กฎหมาย ยังต้องศึกษา-เข้าใจระบบ-กลไกในเรื่องข้าว-เรื่องค้า อีกมากมาย
ถ้าไม่มุ่งมั่น-สัตย์ซื่อ-อุตสาหะ ไม่มีทางบรรลุผล!
การที่ ป.ป.ช.และอัยการสูงสุด…….
ทำคดี ซึ่งมีเดิมพันด้วยมูลค่านับแสนๆ ล้านบาท และเดิมพันทางอำนาจ-อิทธิพลสูง เป็นที่ประจักษ์เช่นนี้
คู่ควรแก่การบูชาจากสังคมเป็นที่ยิ่ง!
ดูทางด้าน “นายบุญทรง-นายภูมิ” สองอดีตรัฐมนตรีบ้าง ฟังข่าวคราว การเข้าคุก ป่วยกันสารพัดโรคฉับพลัน
แต่เมื่อวาน (๒๘ ส.ค.) ไม่มีผลคืบหน้าทาง “ประกันตัว”
ก็บอกแล้ว ผมยังหนักใจแทนเลย เพราะคนที่คุณขายชีวิตให้ เขากลับ “ขายคุณทั้ง ๒” เป็นการตอบแทน
การหนีเอาตัวรอดของยิ่งลักษณ์ มันสะบั้นหนทาง “ประกันตัว” ระหว่างอุทธรณ์ลงสิ้น
จะให้ใครเชื่อใจได้ล่ะว่า ได้ประกันแล้ว ลูกน้องจะไม่หนีตามรอยเจ้านายหญิง?
ไม่เพียงทำให้ศาลต้องเข้มงวดเท่านั้น……..
ยังมีผลให้รัฐบาลซึ่ง “เนื้อไม่ได้กิน-หนังไม่ได้รองนั่ง” กลับต้องถูกกระดูกแขวนคอ ต่อจากนี้ จะพลาดปล่อยให้ใครหนีไม่ได้อีกแล้ว
แค่ยิ่งลักษณ์หนี………
ยังตกเป็นจำเลยอารมณ์ ถูกชาวบ้านด่าขรม ว่าปล่อยให้หนีถึงบัดป่านนี้
ถ้าคนอื่นในขบวนการได้ประกันออกมาอีก ทีนี้แหละ ไม่ฝังชิปก็เหมือนฝังชิป เพราะหากตายใจปล่อยใครหนีไปได้อีก
รัฐบาลนั่นแหละ…ชิบ!
เอาหละ วันนี้ (๒๙ ส.ค.๖๐) มีอีก ๒ คดีให้ติดตามผลจากศาลเป็นการ “คั่นอารมณ์” คือ
คดีไร่ส้ม “นายสรยุทธ สุทัศนะจินดา” กับพวก
ศาลนัดอ่านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์วันนี้ ตอน ๙ โมงเช้า
อีกคดี…….
คดีทุจริตที่ดิน “สนามกอล์ฟอัลไพน์”
ซึ่งนาย “ยงยุทธ วิชัยดิษฐ” อดีตหัวหน้าพรรคเพื่อไทย สมัยเป็นปลัดมหาดไทย ครั้งนายเสนาะ เทียนทอง เป็น รมช.เป็นจำเลย
วันนี้เหมือนกัน ที่ศาลจะตัดสิน “กรรมจะสนองกรรม” แบบไหน?
เดี๋ยว “ระบอบทักษิณ” ก็จะซึ้ง!