เลขาธิการสหประชาชาติเรียกร้องรัฐบาลเมียนมาปล่อยตัวผู้สื่อข่าว 2 คนของสำนักข่าวรอยเตอร์ส ซึ่งถูกจับกุมเมื่อต้นสัปดาห์นี้ ฐานมี “เอกสารลับ” เกี่ยวกับรัฐยะไข่ และวิจารณ์เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นว่ายิ่งตอกย้ำปัญหาของเสรีภาพสื่อในเมียนมาที่ “ถดถอย”
ศุกร์ที่ 15 ธันวาคม 2560 เวลา 13.59 น.
สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากเมืองย่างกุ้ง ประเทศเมียนมา เมื่อวันที่ 15 ธ.ค. ว่านายอันโตนิโอ กูเตร์เรส เลขาธิการยูเอ็น กล่าวเมื่อวันพฤหัสบดี ว่าการที่ทางการเมียนมาจับกุมและดำเนินคดีกับผู้สื่อข่าวชาวเมียนมา 2 คนของสำนักข่าวรอยเตอร์ส ถือเป็น “ความเสื่อมถอย” ของเสรีภาพสื่อในประเทศ และเป็นการละเมิดสิทธิมนุษยชนอย่างร้ายแรง พร้อมทั้งตั้งข้อสังเกตว่าในความเป็นจริงแล้ว การจับกุมผู้สื่อข่าวทั้งสองคนอาจเป็นเพราะมีการรายงาน “ความจริงอันเลวร้าย” ที่เกิดขึ้นในรัฐยะไข่
ขณะที่นายบอริส จอห์นสัน รมว.กระทรวงการต่างประเทศสหราชอาณาจักร ประเทศซึ่งเป็นอดีตเจ้าอาณานิคมของเมียนมา กล่าวแสดงความวิตกกังวลต่อสถานการณ์ที่เกิดขึ้นเช่นกัน ด้านสถานเอกอัครราชทูตสหรัฐประจำกรุงย่างกุ้งเรียกร้องให้หน่วยงานรัฐที่เกี่ยวข้องอนุญาตให้มีการเข้าเยี่ยมผู้สื่อข่าวทั้งสองคน และนายอันโตนิโอ ทาจานี ประธานสภายุโรป กล่าวเรียกร้องให้รัฐบาลเมียนมาปล่อยตัวผู้สื่อข่าวทั้งสองคนอย่างไม่มีเงื่อนไข และคุ้มครองเสรีภาพของสื่อมวลชนในประเทศด้วย
อย่างไรก็ตาม รัฐบาลเมียนมายังคงสงวนท่าทีต่อสถานการณ์ที่เกิดขึ้น เช่นเดียวกับสำนักงานตำรวจซึ่งให้เหตุผลว่า “ไม่ต้องการให้ส่งผลกระทบต่อรูปคดี” โดยกระทรวงข่าวสารในกรุงเนปิดอว์ออกแถลงการณ์มาเพียงฉบับเดียว เมื่อวันพุธที่ผ่านมา ว่าพนักงานสืบสวนได้ทำการจับกุมนายว้า โล่น วัย 31 ปี และนายจ่อ โซ โอ วัย 27 ปี ซึ่งเป็นผู้สื่อข่าวท้องถิ่นของสำนักข่าวรอยเตอร์ส ฐานลักลอบถือครองเอกสารสำคัญที่มีข้อมูลเกี่ยวกับปฏิบัติการของเจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคงในรัฐยะไข่ ซึ่งเป็นการกระทำที่เข้าข่ายความผิดตาม “กฎหมายความลับทางราชการ” ซึ่งใช้มาตั้งแต่ปี 2466 หรือตั้งแต่สมัยอาณานิคม และมีบทลงโทษจำคุกสูงสุดนานถึง 14 ปี
ด้านรายงานของสื่อท้องถิ่นหลายแห่งในเมียนมาระบุว่า เอกสารลับที่ว่านั้นรวมถึงแผนที่ระบุตำแหน่งของฐานประจำการ และสำเนารายงานด้านความมั่นคงอีกจำนวนหนึ่ง โดยข้อมูลดังกล่าวได้รับการส่งต่อไปยังสื่อต่างประเทศอีกหลายแห่งแล้วด้วย ขณะที่นายสตีเฟน เจ. แอดเลอร์ บรรณาธิการบริหารของรอยเตอร์ส ซึ่งมีสำนักงานใหญ่อยู่ที่กรุงลอนดอน เดินหน้าเรียกร้องให้รัฐบาลเมียนมาปล่อยตัวผู้สื่อข่าวทั้งสองคร และแสดงความกังวลต่อสถานภาพของทั้งคู่ ที่ยังไม่มีใครติดต่อได้อีกหลังนับตั้งแต่ตัวไปตั้งแต่วันอังคารที่ผ่านมา.
