วันเสาร์ 27 กรกฎาคม 2024
  • :
  • :
Latest Update

ศูนย์ไซเบอร์ทบ.ลุยปิดเว็บหมิ่นแล้ว 435 รายการ

ผอ.ศูนย์ไซเบอร์ทบ.สั่งเฝ้าระวัง ติดตาม หลังลุยปิดเว็บหมิ่นสถาบันไปแล้ว 435รายการ  ชี้ เฟซบุ๊ก ต้องห้าม ยังปิดไม่ได้ เพราะจดทะเบียนในต่างประเทศ
เมื่อเวลา 07.00 น. วันที่ 11 พ.ค.ที่ศูนย์ไซเบอร์ กองบัญชาการกองทัพบก (ศซบ.ทบ.) พล.อ.สมศักดิ์ นิลบรรเจิดกุล ผู้ช่วยผู้บัญชาการทหารบก เป็นประธานในวันสถาปนาศูนย์ไซเบอร์กองทัพบกครบรอบปีที่ 16 ปี โดยมีพล.ต.ฤทธี อินทราวุธ ผู้อำนวยการศูนย์ไซเบอร์กองทัพบก ให้การต้อนรับ โดยได้มีพิธีบำเพ็ญกุศล และพิธีมอบโล่เชิดชูเกียรติให้กับกำลังพลที่ปฏิบัติงานดีเด่นประจำปี 2560 ของหน่วย ต่อด้วยพิธีมอบทุนการศึกษาบุตรข้าราชการ โดยชมรมแม่บ้านศูนย์ไซเบอร์กองทัพบกหลังเสร็จพิธีฯ

 

พล.ต.ฤทธี กล่าวว่า กองทัพบก ให้ความสำคัญในเรื่องภัยคุกคามด้านไซเบอร์ พร้อมทั้งสร้างความตระหนักให้กำลังพล หน่วยงานต่างๆกำลังพล และประชาชน ข้อมูลข่าวสารที่บิดเบือน การโจมตี ให้ร้าย ผ่านโซเชียลมิเดีย และการปล่อยข้อมูลข่าวสารที่ละเมิดสถาบันฯ ตั้งแต่ ต.ค.59 จนถึงปัจจุบัน ได้ดำเนินการตามนโยบาย ผู้บัญชาการกองทัพบก ห่วงใยด้านการเผยแพร่ข้อมูลที่บิดเบือนและการละเมิดสถาบันฯ โดยได้ดำเนินการเฝ้าระวัง ติดตาม และตรวจพบการเผยแพร่ข้อมูลทางไซเบอร์ที่ส่งผลกระทบต่อสถาบัน รวมจำนวน 820 รายการ ดังนี้ เฟซบุ๊ก  จำนวน 365 รายการ ยูทูบ จำนวน 450 รายการ และ ทวิตเตอร์ จำนวน 5 รายการ และได้ประสานความร่วมมือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเช่น กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม, กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี และ กรมสอบสวนคดีพิเศษ ดำเนินการปิดกั้นและดำเนินคดีตามกฎหมาย

 

พล.ต.ฤทธี กล่าวต่อว่า ทั้งนี้ได้ประสานงานดำเนินการปิดกั้นเว็บหมิ่นสถาบันฯ ไปแล้ว 435 รายการ อยู่ระหว่างดำเนินการ 111 รายการ และที่เปิดขึ้นมาใหม่ 274 รายการ โดยในเดือน เม.ย.2560 มีจำนวน 120 รายการ โดยแยกเป็น กลุ่มและบุคคลที่กระทำความผิด ซึ่งอยู่ต่างประเทศ เพียง 7 ราย และยังไม่ทราบแหล่งที่มาของผู้กระทำ เพียง 18 รายการ จากการเฝ้าระวัง ติดตาม สืบค้นภัยคุกคามด้านไซเบอร์ ทำให้สามารถตรวจพบ ประสานการปิดกั้น และดำเนินคดีต่อผู้กระทำผิดได้อย่างต่อเนื่อง เป็นผลให้การกระทำผิดกฎหมายในลักษณะดังกล่าวลดลงตามลำดับ

 

“การปิดกั้นเว็บไซท์ที่หมิ่นสถาบันฯ ได้รับความร่วมมือจากหน่วยงานต่างๆ ที่เกี่ยวข้องได้ร่วมกันปิดกั้นเว็บไซท์ตามคำสั่งศาลกว่า 6,000 รายการ ทั้งนี้ยังติดปัญหาบุคคลที่กระทำความผิดที่อยู่ต่างประเทศ จึงต้องอาศัยความร่วมมือ ของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง กับต่างประเทศ และผู้ประกอบการ คาดว่าแนวโน้มในเร็วๆนี้ การเผยแพร่ข้อมูลที่เกี่ยวกับ สถาบันฯ จะลดน้อยลง สำหรับเฟซบุ๊ก ยูทูป ซึ่งเป็นข้อมูลจากต่างประเทศ มีช่องทางเข้าถึงข้อมูล ถ้าผ่านระบบของในประเทศไทยก็สามารถปิดกั้นได้บ้างส่วน แต่อีกส่วนหนึ่ง มีเทคนิคในการหลบเหลี่ยมไม่ให้ถูกปิดกั้นได้ “ผอ.ศูนย์ไซเบอร์ กล่าว

 

พล.ต.ฤทธี กล่าวต่อว่า ได้นำบุคลากรภายนอกมาช่วยงานศูนย์ไซเบอร์ ฯ ในฐานะเครือข่ายเป็นการทำงานในลักษณะประสานความร่วมมือ ขององค์กรหน่วยงาน และประชาชน ส่วนกลุ่มที่โจมตีหรือ แฮกข้อมูลของกองทัพนั้นขณะนี้ลดลงตามลำดับ เพราะไม่ได้อยู่ในสภาวะหรือเงื่อนไขที่จะมาโจมตี แต่การโจมตีจากต่างประเทศเพื่อต้องการทดสอบ ความมั่นคงปลอดภัยทางด้านไซเบอร์ของหน่วยงานถือว่าเป็นปกติ ซึ่งทุกประเทศก็ถูโจมตีเช่นกัน

 

ทั้งนี้ ศูนย์ไซเบอร์กองทัพบก จัดตั้งขึ้นเมื่อปี 2539มีชื่อเดิมว่า ศูนย์เทคโนโลยีทางทหารกองทัพบก โดยมี กองการสงครามสารสนเทศ เพื่อรองรับภัยคุกคามด้านสารสนเทศ ต่อมาได้มีประกาศในราชกิจจานุเบกษา เมื่อ 10 พ.ค.2544 และกองทัพบกได้อนุมัติอัตราหน่วย เมื่อ 11 พ.ค.2544 จึงได้ถือกำหนดให้เป็นวันสถาปนาหน่วยขึ้น และเมื่อ 1 ต.ค.2559 ได้แปรสภาพเป็น “ศูนย์ไซเบอร์กองทัพบก” และปรับสายการบังคับบัญชา เป็น หน่วยขึ้นตรงกองทัพบก โดยมี พล.ต. ฤทธี อินทราวุธ ดำรงตำแหน่ง ผู้อำนวยการศูนย์ไซเบอร์กองทัพบก

 

ศูนย์ไซเบอร์กองทัพบก เป็น “กลไกหลักที่สร้างความเชื่อมั่น และหลักประกันด้านความมั่นคงปลอดภัยทางไซเบอร์ให้กับกองทัพบก” มีภารกิจหลัก 3 ประการ คือ

 

1.การรักษาความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์ ทำหน้าที่เป็น ศูนย์ปฏิบัติการรักษาความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์ เพื่อเฝ้าระวัง แจ้งเตือน ภัยคุกคามด้านไซเบอร์ รณรงค์ปลูกฝังจิตสำนึก เสริมสร้างความรู้ความเข้าใจ และกำกับดูแลการปฏิบัติของหน่วยในกองทัพบก ตามมาตรการรักษาความมั่นคงปลอดภัยทางไซเบอร์ เพื่อให้หน่วยในกองทัพบกมีการเฝ้าระวัง แจ้งเตือนภัยคุกคาม สืบค้น ตรวจสอบช่องโหว่ของระบบ และการพิสูจน์หลักฐานทางดิจิตอลอย่างต่อเนื่อง

 

2.การปฏิบัติการไซเบอร์ ทำหน้าที่เป็น ศูนย์ปฏิบัติการไซเบอร์ เพื่อป้องกันการโจมตี และแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉินทางไซเบอร์ ตลอดจนการพัฒนาขีดความสามารถในการปฏิบัติการไซเบอร์เชิงรุก เพื่อตอบโต้และสกัดกั้นภัยคุกคามด้านไซเบอร์

 

3.การปฏิบัติการข่าวสารบนไซเบอร์ เพื่อสนับสนุนการปฏิบัติการข่าวสารของกองทัพบก และหน่วยที่เกี่ยวข้อง โดยทำหน้าที่เฝ้าระวัง ติดตาม สืบค้นข้อมูลข่าวสารบนไซเบอร์ที่ส่งผลกระทบต่อสถาบัน และความมั่นคงของชาติโดยรวม พร้อมการดำเนินการแจ้งเตือน กำหนดมาตรการป้องปราม ชี้แจงตอบโต้ สกัดกั้น รวมถึงการประสานความร่วมมือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อดำเนินการปิดกั้นและดำเนินคดีตามกฎหมายต่อผู้ที่นำเข้าและเผยแพร่ข้อมูลทางไซเบอร์ ที่ส่งผลกระทบต่อความมั่นคงของประเทศ ตามช่องทางต่างๆ