วันเสาร์ 27 กรกฎาคม 2024
  • :
  • :
Latest Update

เชื่อหรือไม่?ในประเทศสหรัฐอเมริกาเคยมีพระมหาจักรพรรดิ?

 

อเมริกาประเทศอันยิ่งใหญ่และมีความหลากหลายทางกระแสวัฒนธรรมมากที่สุดประเทศหนึ่งของโลก ว่ากันว่าประเทศอเมริกานั้นเป็นประเทศที่มีความเข้มข้นทางประชาธิปไตยเป็นเครื่องหมายการค้าประจำชาติ ซึ่งบทพิสูจน์ในเรื่องนี้ก็คือเหล่าประธานาธิบดีที่ได้รับการเลือกตั้งจากประชาชนภายในประเทศ แต่คุณผู้อ่านเชื่อหรือไม่ว่าครั้งหนึ่งประเทศสหรัฐอเมริกาที่ยิ่งใหญ่เคยมีกษัตริย์ที่ได้รับการยอมรับจากประธานาธิบดีแห่งสหรัฐอเมริกาอยู่คนหนึ่ง ใช่แล้วคุณผู้อ่านเข้าไม่ผิดหรอก

พระองค์ทรงพระนามว่า จักรพรรดินอร์ตันที่หนึ่ง “Emperor of these United States and the Protector of Mexico”และนี่คือเรื่องราวของปฐมกษัตริย์ คนแรก และคนเดียว แห่งดินแดนเสรีภาพนี้

ประวัติของชายที่ได้ชื่อว่าเป็นราชาแห่งอเมริกา

ชื่อจริงของ  จักรพรรดินอร์ตันที่หนึ่ง คือ โจชัว อับบราฮัม นอร์ตั้น(Joshua Abraham Norton)
เกิดที่ประเทศอังกฤษในปี 1819 ครอบครัวของเขาเป็นครอบครัวชาวยิวที่ค่อนข้างจะมีฐานะ ในปี 1849 นอร์ตันได้อพยพมายังประเทศสหรัฐอเมริกา หลังจากที่เขาได้รับมรดกก้อนใหญ่จากพ่อของเขาเป็นเงินมากกว่า 40,000 เหรียญสหรัฐ ถ้าเทียบเป็นเงินในปัจจุบันนี้ก็เป็นเงินในจำนวนที่มากโขอยู่ ภายหลังจากนั้น เขาได้จัดการเริ่มต้นธุรกิจเกี่ยวกับอสังหาริมทรัพย์ ซึ่งการดำเนินธุรกิจของเขาก็จัดได้ว่าประสบความสำเร็จเป็นอย่างดี

ถัดจากนั้น ในช่วงปี 1853 ประเทศจีนเกิดภัยแล้งขึ้นทำให้ทางการของประเทศจีนสั่งห้ามไม่ให้มีการส่งออกข้าว ทำให้ราคาข้าวในมลรัฐซานฟรานซิสโกมีราคาที่ถีบตัวสูงขึ้น ด้วยความที่นอร์ตันเป็นนักธุรกิจจึงเล็งเห็นว่านี้คือโอกาสที่เขาควรจะคว้าเอาไว้ จึงได้ตกลงที่จะนำเข้าข้าวจากเปรูแทนที่จะนำเข้าข้าวจากประเทศจีน แต่เหมือนเป็นคราวเคราะของนอร์ตันเพราะในช่วงหลังจากที่เขาเซ็นสัญญาข้าวได้ไม่นานผู้คนก็เริ่มแห่กันไปนำเข้าข้าวจากประเทศเปรูเช่นเดียวกันกับนอร์ตั้น ส่งผลให้ราคาข้าวตกลงมาอย่างรวดเร็ว

ตัวนอร์ตั้นเองก็พยายามที่จะยกเลิกสัญญาข้าว แต่เรื่องก็ไม่เป็นอย่างที่เขาคาดหวังเพราะในการต่อสู้คดีที่เกี่ยวกับข้าวในครั้งนี้เขาเป็นฝ่ายแพ้คดี และ ถูกบังคับให้ต้องนำทรัพย์มาขายทอดตลาดแถมยังซวยเข้าขั้นหนักไปอีกเมื่อศาลประกาศให้เขาเป็นบุคคลล้มละลายในปี 1858 ว่ากันว่าการที่นอร์ตันเสียทรัพย์สินของเขาไปทั้งหมดนั้นทำให้เขากลายเป็นคนที่มีอาการทางจิตในที่สุด

 

การขึ้นมาเป็นจักรพรรดินอร์ตันที่หนึ่ง เริ่มต้นครองราชย์ในปี ค.ศ. 1859

หลังจากที่นอร์ตันแพ้คดีจำนำข้าว….เขาก็หมดอาลัยตายอยากและตัดสินใจเดินทางไปยังซานฟรานซิสโก แต่ในปี 1859 เขาก็ได้กลับมาที่ซานฟรานซิสโกอีกครั้ง และ ในวันที่ 17 กันยายน 1859 นอร์ตันได้ออกแถลงการณ์อย่างเป็นทางการให้ตัวเองเป็นจักรพรรดินอร์ตันที่ 1 แห่งสหรัฐอเมริกาและเป็นผู้พิทักษ์แห่งเม็กซิโกอีกด้วย เขาได้ส่งจดหมายไปที่หนังสือพิมพ์หลายต่อหลายฉบับเพื่อให้ประกาศถึงเรื่องที่เขาขึ้นเป็นกษัตริย์แห่งอเมริกา

“ด้วยปรารถนาแห่งประชาชนส่วนใหญ่ของสหรัฐอเมริกา ข้า โจชัว นอร์ตันแห่งอัลกอเบย์, แหลม กู๊ดโฮป ซึ่งอยู่ในซานฟรานซิสโก แคลิฟอร์เนีย มาเป็นเวลา 9 ปี กับ 10 เดือน ขอประกาศให้ทราบว่า ข้าคือจักรพรรดิแห่งสหรัฐอเมริกา และด้วยอำนาจของข้าพเจ้านี้ จึงขอสั่งการไปยังผู้แทนของแต่ละรัฐ ให้มาประชุมกันที่โรงละครของเมืองนี้ ในวันที่ 1 กุมภาพันธ์ของปีถัดไป เพื่อร่วมกันหารือถึงกฏหมายที่มีอยู่และทางเลือกของประเทศนี้ เพื่อช่วยกันกำจัดความชั่วร้ายที่ประเทศนี้กำลังรับใช้ และเพื่อให้ประเทศคงอยู่ตลอดไป ทั้งภายในและภายนอกประเทศ เพื่อความมั่นคงและความเป็นปึกแผ่น

นอร์ตัน ที่ 1, 17 กันยายน 1859”

ทางด้านบรรณาธิการหนังสือพิมพ์ก็เห็นว่าเป็นเรื่องสนุกจึงลงประกาศเรื่องที่นอร์ตันขึ้นเป็นกษัตริย์แห่งประเทศสหรัฐอเมริกา แต่ครั้นเมื่อลงตีพิมพ์ไปแล้วสิ่งที่ไม่คาดคิดก็ได้เกิดขึ้นเพราะเรื่องราวของนอร์ตันกลายเป็นเรื่องที่มีผลตอบรับดีมากๆ จากสังคมทำให้หนังสือพิมพ์ฉบับต่างๆ ในประเทศสหรัฐอเมริกาเอาเรื่องของนอร์ตันไปตีพิมพ์

ทางด้านนอร์ตันเมื่อเห็นว่าหนังสือพิมพ์เอาเรื่องที่เขาขึ้นเป็นกษัตริย์ไปลงตีพิมพ์แล้วก็เริ่มดำเนินการร่างกฏหมายต่างๆ หนังสือพิมพ์เองก็นึกสนุกเลยลงตีพิมพ์กฏหมายต่างๆ ขององค์กษัตริย์นอร์ตัน โดยทุกๆ เช้าชาวอเมริกันที่อ่านหนังสือพิมพ์ก็จะเห็นว่าวันนี้กษัตริย์ของพวกเขามีประกาศหรือเรื่องที่จะแจ้งอะไรกับประชาชนของเขาบ้าง ทำให้หนังสือพิมพ์ที่ลงข่าวและประกาศของนอร์ตันขายดีเป็นเทน้ำเทท่า

ชาวบ้านเองก็เล่นสนุกเป็นกระแสฮออตฮิต ด้วยการทำตามที่นอร์ตันสั่ง จนมองเรื่องต่างๆนั้นเป็นเรื่องตลก ดังเช่นประกาศในหนังสือพิมพ์ของอเมริกาฉบับหนึ่งที่มีการตีพิมพ์ประกาศของจักรพรรดินอร์ตันที่หนึ่งที่ว่าเมื่อเขาเดินผ่านให้คนก้มหัว ผู้คนที่ได้อ่านประกาศก็พากันก้มหัวตามที่นอร์ตันสั่ง

นอร์ตันมักจะแต่งตัวด้วยเครื่องแบบทหารสีน้ำเงิน มีอินทรธนูและภู่สีเงินประดับบ่า หมวกหนังบีเวอร์และขนนกยูง ทุกวันนอร์ตันจะออกเดินตรวจตราระบบสาธารณูปโภค หากเห็นว่ามีอะไรที่ผิดปกติก็จะสั่งให้ผู้ที่เกี่ยวข้องเข้ามาแก้ไขทันที ชาวเมืองเองก็รักนอร์ตันจนถึงขั้นที่ว่าบางร้านนั้นจะมีป้ายติดไว้ให้คนที่ผ่านไปผ่านมาได้ดูว่าเป็นร้านที่จักรพรรดินอร์ตันที่หนึ่งให้การรับรอง

นอกจากนี้นอร์ตันยังเคยสั่งยุบสภาครองเกรสและไล่อับบราฮัมลินคอล์นออกจากตำแหน่งโทษฐานที่ไม่จัดการยุติสงครามเหนือและใต้อีกด้วย แต่ถึงอย่างนั้นก็ตามนอร์ตันเคยถูกจับจากเจ้าหน้าที่ตำรวจในโทษฐานคนจรจัด แต่ช้าก่อน การที่นอร์ตันถูกจับนั้นทำให้ชาวบ้านออกมารุมประท้วงตำรวจจนอธิการตำรวจต้องมีคำสั่งให้ปล่อยตัวนอร์ตันและออกกฏระเบียบให้ตำรวจทุกนายต้องเคารพนอร์ตัน

จักรพรรดิ์นอร์ตันจึงออกประกาศพระราชทานอภัยโทษให้กับอธิการบดีและเหล่าตำรวจทุกนายที่มีส่วนในเหตุการณ์ครั้งนี้

จักรพรรดินอร์ตันที่ 1 ยังเคยสั่งพิมพ์แบงค์ราคา 50 เซ็นต์ถึง 5 ดอลล่าร์ขึ้นมาใช้เอง ถึงจะเป็นแบ็งค์เถื่อน แต่ประชาชนและร้านค้าหลายแห่งยอมรับ ต่อมาก็อยากจะสร้างทางรถไฟที่มี รางสับเปลี่ยนโดยอัตโนมัติ แต่ต้องใช้เงินจำนวนมาก จึงสั่งพิมพ์ธนบัตรใบละ 100 ดอลล่าร์ และนำไปขึ้นเงินที่ธนาคารเฟิสต์เนชั่นแนล ธนาคารปฏิเสธ จักรพรรดิเสียหน้ามาก จึงออกคำสั่งปิดธนาคาร

ธนบัตรรูปหน้าจักรพรรดิ์นอร์ตัน ซึ่งผลิตใช้เองและประชาชนก็ยอมรับ

จักรพรรดินอร์ตันที่หนึ่งมีชื่อเสียงเป็นอย่างมากถึงขนาดที่ว่าครั้งหนึ่งในการจราจลต่อต้านชาวจีนที่อาศัยอยู่ในซานฟรานซิสโกนอร์ตันได้เข้าไปห้ามและสั่งให้ทั้งสองฝ่ายแยกจากกันไปโดยสงบซึ่งทั้งสองฝ่ายก็ยอมแยกจากกันไปแต่โดยดีแถมยังร้องเพลงสรรเสริญให้กับจักรพรรดินอร์ตันที่หนึ่งพร้อมก้มหัวให้ด้วย  จน จักรพรรดินอร์ตันที่หนึ่งกลายเป็นสัญลักษร์ของความเคารพระหว่างประชาชนหลายสัญชาติในสหรัฐอเมริกา

การจากไปของกษัตริย์แห่งอเมริกา

ในวันที่ 8 มกราคม 1880 จักรพรรดิ์นอร์ตันที่1 ได้จากไปด้วยอาการเส้นเลือดในสมองแตกขณะที่กำลังออกเดินตรวจตราความสงบภายในเมืองเหมือนเช่นที่เคย

 ในงานพระศพที่จัดขึ้นที่ซานฟรานซิสโกนั้นมีผู้เข้าร่วมงานมากกว่า 30,000 คนทั้งที่ขณะนั้นซานฟรานซิสโกมีประชากรเพียงประมาณ 230,000 คนเท่านั้น ขบวนแถวของผู้มารอไว้อาลัยยาวถึง 3 กิโลเมตรเป็นการปิดฉากกษัตริย์พระองค์แรก และสุดท้ายของสหรัฐอเมริกาในที่สุด