วันเสาร์ 27 กรกฎาคม 2024
  • :
  • :
Latest Update

เมื่อจีนแพ้สงครามการค้าครั้งแรก – Kornkit Disthan

วันนี้คือวันรำลึกการส่งมอบฮ่องกงกลับเป็นของจีน ฮ่องกงถูกเฉือนจากแผ่นดินใหญ่ไปเป็นของอังกฤษหลังจากจีนแพ้สงครามฝิ่นครั้งแรก และครั้งที่สองยังต้องเฉือนเกาลูนให้อังกฤษไปอีก 

เนื้อแท้ของสงครามฝิ่นคือสงครามการค้า อังกฤษใช้การค้าเสรีบังหน้าการค้ายา แล้วโทษจีนว่าทำการค้าไม่เป็นธรรม 

การค้าระหว่างจีนกับอังกฤษแต่เดิม จีนได้เปรียบดุลการค้าแต่ฝ่ายเดียว เพราะสินค้าจีนมีคุณภาพเป็นที่ต้องการในโลกตะวันตกและตะวันออก ไม่ว่าจะเป็นเครื่องกระเบื้องหรือชา ทำให้อังกฤษสูญเงินมหาศาล ในยุคนั้นการค้ายังใช้เงินตราเป็น “เงิน” แท้ๆ ทำให้เงินในคลังอังกฤษร่อยหรอลงทุกที

ก่อนที่จะสายเกินไปอังกฤษใช้วิธีอันแยบยลคือมอมยาจีนเสียเลย ทำการลักลอบขนฝิ่น (ที่ไปขโมยแผ่นดินอินเดียมาปลูก) ขายให้กับคนจีน แม้ว่าฝิ่นจะมีคุณสมบัติเป็นยาระงับความเจ็บปวด แต่มีมีโทษมหันต์คือใช้แล้วติด ในเวลาไม่นานคนจีนหลายล้านคนก็กลายเป็นทาสฝิ่น และเงินก็ไหลกลับไปที่อังกฤษสมใจ

เรื่องนี้อยู่ในสายตาของขุนนางจีนที่รักบ้านเมือง เช่น หลินเจ๋อสวีที่เป็นผู้เริ่มสงครามทำลายล้างฝิ่นโดยบังคับให้อังกฤษนำฝิ่นที่โกดังในกว่างโจวมาทำลายเสีย 

หลินเจ๋อสวีไม่ใช่คนมุทะลุบุ่มบ่าม เขาเป็นคนที่เห็นความชั่วร้ายของฝิ่นจึงอดรนทนไม่ได้ ในเวลาเดียวกับที่บุกทำลายฝิ่นของฝรั่งเขาก็ส่งจดหมายไปถึงพระนางเจ้าวิกตอเรีย เพื่ออ้อนวอนให้พระองค์สั่งให้พวกพ่อค้าอังกฤษเลือกมอมเมามนุษยชาติเสียที

จดหมายของหลินเจ๋อสวีเขียนไว้อย่างจับใจว่า “เหตุที่เรือของอังกฤษเดินทางประเทศจีนคือก็เพราะต้องการทำกำไรมหาศาล โดยที่กำไรนี้เกิดขึ้นในจีนและถูกพรากไปจากคนจีน แล้วคนต่างชาติจะตอบแทนผลกำไร (จากคนจีน) ด้วยการทำร้ายพวกเขาได้อย่างไร? ผลกำไรที่ได้มานั้นตอบแทนด้วยการส่งยาพิษมาทำร้ายผู้ที่มีคุณอย่างนั้นหรือ?”

และ “ผลิตภัณฑ์ที่มาจากประเทศจีนล้วนแต่เป็นของที่มีประโยชน์ ล้วนเป็นของดีสำหรับกินและใช้ และขายได้ง่าย ถามว่าจีนผลิตสินค้าสักอย่างที่เป็นอันตรายต่อต่างประเทศหรือไม่? ตัวอย่างเช่นชาและน้ำตาล มีความสำคัญต่อการดำรงชีวิตของชาวต่างชาติที่พวกเขาต้องกินพวกเขาทุกวัน” 

เขากราบทูลพระแม่เจ้าแห่งอังกฤษว่า “ข้าพระองค์ได้ยินมาว่าฝ่าบาทห้ามมิให้มีการปลูกฝิ่นในประเทศของฝ่าบาทอย่างเด็ดขาด ย่อมเป็นที่ชัดเจนว่าฝ่าบาทรู้ว่าฝิ่นนั้นมีอันตรายเพียงใด ฝ่าบาทไม่ต้องการฝิ่นที่เป็นอันตรายต่อประเทศของฝ่าบาท แต่ฝ่าบาทกลับเลือกที่จะนำภยันตรายที่ว่านี้ไปมอบให้ประเทศอื่นๆ เช่นจีน ทำไม?”

หลิ่นเจ๋อสวีปิดท้ายจดหมายว่า “ฆ่าคนตายต้องรับโทษประหาร ลองคิดดูสิว่ามีกี่คนแล้วที่ฝิ่นฆ่าไป! นี่คือเหตุผลที่อยู่เบื้องหลังกฎหมายใหม่ซึ่งระบุว่าชาวต่างชาติที่นำฝิ่นมาที่จีนจะถูกตัดสินประหารชีวิตโดยการแขวนคอหรือถูกตัดหัว จุดประสงค์ของเราคือการกำจัดพิษนี้ให้หมดสิ้นไป เพื่อประโยชน์ของมนุษยชาติทั้งมวล”

จดหมายฉบับนี้ส่งไม่ถึงมือผู้รับแต่สื่ออังกฤษตีพิมพ์ประจานความชั่วร้ายของคนในชาติตัวเอง และหลิ่นเจ๋อสวีได้รับการยกย่องว่าเป็น “นักสู้ในสงครามต่อต้านยาเสพติดคนแรกของโลก”

เมื่อผลกำไรของอังกฤษในรูปของฝิ่นถูกทำลาย จึงต้องรบกันให้รู้ดำรู้แดง การรบนั้นดุเดือดและน่าสลดใจ ด้วยชาวโลกได้เห็นว่าจีนที่เคยยิ่งใหญ่ไม่อาจต่อกรกับมหาอำนาจฝรั่งได้เลย เรือรบจีนแม้จะมีหลายลำแต่ก็หาสู้เรือปืนอังกฤษแค่ไม่กี่ลำได้ไม่ ราวกับส่งแมลงตัวน้อยมาสู้กับสัตว์ใหญ่ ส่วนหลินเจ๋อสวีที่สู้กับฝิ่นมาตั้งแต่แรก ถูกการเมืองในราชสำนักเล่นงาน จนต้องถูกเนรเทศไปชายแดน ทำให้จีนยิ่งอ่อนแอลงไปอีก

ผลก็คือจีนยอมสงบศึกอย่างน่าอดสู อังกฤษขอค่าปฏิกรรมสงครามเป็นเงินมหาศาล แต่ยังขอฮ่องกงเป็นเมืองขึ้น และสั่งให้จีนเปิดเมืองท่าสำคัญๆ เช่นเซี่ยงไฮ้ เพื่อรับการค้าเสรี และฝิ่นเสรี

นับแต่นั้นมาจีนก็กลายเป็นคนป่วยแห่งเอเชียด้วยอิทธิฤทธิ์ของการค้าเสรี

https://web.facebook.com/photo.php?fbid=10156230541271954&set=a.430946001953&type=3&theater