วันพุธ 11 ธันวาคม 2024
  • :
  • :
Latest Update

เสรีนิยมใหม่ = ลัทธิการสะสมทุนที่ปล้นชิงจากทั่วโลก

“เสรีนิยมใหม่ = ลัทธิการสะสมทุนที่ปล้นชิงจากทั่วโลก”
โดย “ดร.เดวิด ฮาร์วี่ย์”

หลายสิ่งที่เราได้ยินได้ฟังล้วนมาจาก “ขุมนรกเดียวกัน” จากวาทะของปีศาจตนเดียวกัน โดยมีสาระคือ “ลดการกำกับควบคุมโดยภาครัฐ โดยให้เอกชนเป็นผู้นำการขับเคลื่อนโลกเอง” เช่น
… ระบอบประชาธิปไตย
… การค้าเสรี
… ตลาดหุ้น ตลาดทุน
… การแปรรูปรัฐวิสาหกิจ ปตท.หน้าเลือด
… มหาวิทยาลัยออกนอกระบบ
… สิทธิมนุษยชน
… ลิขสิทธื์ทางปัญญา
… การขโมยจดทะเบียนสมุนไพรของประเทศโลกที่สาม
… การไล่ล่า Wiliki leaks, Edward Snowden

-ทุกอย่างล้วนมีบิดาเดียวกันจาก ปิศาจทุนนิยม รุ่นล่าสุด “เสรีนิยมใหม่” ที่เกิดมาช่วงทศววษที่ 1970 โดยการร่วมมือกันของนักธุรกิจกลุ่มหนึ่งเป็นผู้นำ โดยผสมโรงตามด้วยนักการเมือง และนักวิชาการตามมหาวิทยาลัยต่างๆโดยการนำของอเมริกา ตาม “ฉันทามติวอชิงตัน”Washington Consensus

ย้อนไปก่อนนั้น หลังจากที่ประเทศทั่วโลกหลุดจากแอก “ระบบศักดินา” ก็เข้าไปสู่ระบบรัฐชาติ ที่มีรัฐคอยใช้อำนาจช่วยดูแลจัดการ จัดสรรทรัพยากรของประเทศในการไหลไปสู่มือปากท้องประชาชนในประเทศ ซึ่งมีสองสายหลัก ของ “เสรีนิยม ( หรือ “ทุนนิยม” ) และ “สังคมนิยม” แต่ตอนหลังปี 1970 ทุนนิยมแพร่หลายมากขึ้นเรื่อยๆ ตามรากแก้วจากแนวคิด “ปิรามิดห่วงโซ่อาหาร” ของชาร์ล ดาร์วิน ที่ว่าสัตว์ฉลาดกล้ามใหญ่กินสัตว์โง่ที่อ่อนแอกว่า

แต่ “ความโลภ” มีมากเกินที่ทนไหว พวกนักธุรกิจกลุ่มหนึ่ง จึงตั้ง “ฉันทามติวอชิงตัน”ขึ้นให้เป็นนโยบายในการ “สะสมทุนโดยปล้นชิงทรัพยากร” จากทั่วโลก ตามนิยามของ “ดร.เดวิด ฮาร์วี่ย์” อาจารย์ที่แนวคิดของท่านได้มีส่วนในการกระพือกระแส ” Occuppy Wall Street ” จนลุกลามไปทั่วโลก

โดยเริ่มตั้งระบบ “Casino Economy” ตามตลาดหุ้น ตลาดทุนต่างๆ โดยอ้างเรื่องการระดมทุนมาลงทุน แต่จริงๆแล้วเป็น “การตั้งบ่อนพนัน” ไปทั่วโลก โดยมีเครือข่ายบ่อนเชื่อมถึงกัน และมีอเมริกาเป็นแกนนำเหมือน “วาทยกรของบทเพลงของปีศาจ”  ( เพราะความจริงแล้ว เงินที่ไปลงทุนแบบกายภาพแค่ 10 – 20% แค่นั้นเอง ที่เหลือคือการเก็งกำไรจากบ่อน ใครทุนใหญ่ เจ้ามือบ่อนก็อยู่ได้นาน นักเลงพนันเงินน้อยๆ หมดเงิน กระเป๋าฉีก ก็กลับบ้านไประดมกันมาเล่นอีก แต่บ่อนไม่เคยล้ม “ลาสเวกัสแห่ง Wall Street” ไม่เคยเจ๊งปิดกิจการ )

ขณะเดียวกัน ก็มีการเคลื่อนย้ายทุนเสรี  “การเปิดเสรีทางการเงิน” ตามหลักการ “การค้าเสรี” เพื่อให้เงินจากบ่อนใหญ่ไปป่วนได้เสรีในทั่วโลก ตามบ่อนย่อยๆในประเทศโลกที่สาม ที่ยังอ่อนด้อย, ไร้เดียงสาและหัวอ่อน

เหตุการณ์ปี 2540 “วิกฤติต้มยำกุ้ง” ของไทยนั้น ไม่ใช่เรื่องบังเอิญ เพราะการส่งเสริมไทยให้เป็น “ฮับการเงินของอาเซียน” โดย IMF จนเปิดเสรีทางการเงิน BIBF เงินไหลมาเก็งกำไรและเกิดฟองสบู่จนแตก ต้องไปกู้ยืมเงินจาก IMF ที่กางแขนแก้ผ้ารออยู่บนเตียงอยู่แล้ว แต่ต้องมีการแก้ไขกฎหมาย จนเป็นที่มาของ “กฎหมายขายชาติ 11 ฉบับ” และหนึ่งในนั้นก็คือการ “แปรรูปรัฐวิสาหกิจ” เช่น “ปตท.” จากเป็นองค์กรเพื่อประชานในเรื่องพลังงาน จนกลายเป็น ปีศาจดูดเลือดคนไทย น้ำมันและแก๊สเริ่มไต่ราคาแพงขึ้นเรื่อยๆ และสุดท้าย “สมบัติของชาติไทย” ก็ตกเป็นของนายทุนข้ามชาติ โดยมีนายทุนท้องถิ่นบริวาร นักการเมือง นักวิชาการ อาจารย์มหาวิทยาลัยส่วนน้อยมากๆ ได้ประโยชน์ไปด้วย ในเครือข่ายปีศาจเดียวกัน

นั้นคือ “การสะสมทุนโดยการปล้นชิงของเสรีนิยมใหม่” ตามนิยามของ “ดร.เดวิด ฮาร์วี่ย์” เพราะกติกาทุกอย่างพวกเขาวางแผน ตั้งระเบียบไว้หมดแล้ว และไม่ใช่เรื่องบังเอิญ เพราะทั้งไทย อินเดีย รัสเซีย อาร์เจนติน่า ชิลี และหลายประเทศทั่วโลก ล้วนโดนมาเหมือนๆกัน

การอ้าง “ลิขสิทธื์ทางปัญญา” ดูเหมือนจะดีแก่ผู้ประดิษฐ์ แต่ความจริงแล้วคือการผูกขาดความรู้เพื่อจะสร้างสะสมทุนให้ยาวต่อไปอีก ในทางตรงข้ามพวกเขากลับเดินทางไปปล้นเอายาหรือสมุนไพรทั่วโลกแล้วนำมาจดทะเบียนเป็นของเขาเอง ซึ่งมันขัดแย้งกับหลักการเพื่อให้ประโยชนกับผู้คิดค้นที่เขาอ้างอย่างมาก

สิ่งเหล่านี้ ทำให้เกิดช่องว่างระหว่างชนชั้นมากขึ้นเรื่อยๆ ทรัพยากรทั่วโลกถูกทำลายมากที่สุดในประวัติศาสตร์โลก มลภาวะเกิดขึ้นทั่วโลก โลกร้อนขึ้น เกิดการแย่งชิงทรัพยากรไปทั่วโลก เริ่มมีการต่อต้านคัดค้านไปทั่วโลกในรูปแบบต่างๆ เช่น Occuppy Wall Street, อาหรับสปริง หรือ ในไทยเอง = แสดงให้เห็นฐานรากปิรามิดที่เริ่มผุกร่อน ของระบบเสรีนิยมใหม่แล้วนั้นเอง

วันนี้ได้มีสัญญาณหลายอย่างที่ทำให้เห็นการกำลังจะล่มสลายของระบบ “เสรีนิยมใหม่” ไม่ว่าจะเป็นวิกฤติเศรษฐกิจแฮมเบอร์เกอร์รอบใหม่, เงินดอลล่าร์กลายเป็นขยะกระดาษ, ตลาดหุ้นกำลังแตกครั้งใหญ่ เกิดการประท้วงในหลายประเทศที่มีการเลือกตั้งธิปไตยทั่วโลก เกิดวิกฤติมลภาวะโลกร้อน

หลายประเทศได้ถอยหลังและต่อต้านระบบนี้มานานแล้ว แล้วประเทศไทยเราหล่ะ ได้เริ่มรับรู้ ต่อสู้กับปิศาจร้ายรุ่นใหม่จากทุนนิยมสามานย์ นามว่า “เสรีนิยมใหม่” กันแล้วหรือยัง ก่อนที่จะถูกมันกลืนกินจนหมดทั้งเนื้อและกระดูกทั้งประเทศ

ย่อยจากหนังสือ “ประวัติศาสตร์ฉบับย่อของ ลัทธิเสรีนิยมใหม่”
A Brief History of Neoliberalism” โดย เดวิด ฮาร์วี่ย์