อ่านข่าวศาลพิพากษาลงโทษคนหลายคนข้อหาคดโกงในช่วงอาทิตย์สองอาทิตย์นี้แล้ว แปลกที่มิได้เกิดความรู้สึกสมน้ำหน้าแต่อย่างไร มีแต่ความสังเวชในสัจธรรมของความโลภ
ทำให้นึกถึงคำโบราณของไทยขึ้นมาทันที นั่นคือ “ซื่อกินไม่หมด คดกินไม่นาน”
คำพังเพยนี้แปลว่า คนที่ซื่อสัตย์ย่อมมีคนไว้ใจและนับถือ ยากที่จะอดตาย ส่วนคนคดโกง ก็สบายแค่ช่วงที่ยังไม่มีใครจับได้เท่านั้น
มันเป็นโคตรแห่งความจริง!
ความโลภเป็นสิ่งเลวร้ายที่สุดของมนุษยชาติ จุดเสื่อมทั้งหมดของสังคมก็ล้วนมาจากคำคำนี้
แต่วันแล้ววันเล่า สังคมเราปลูกฝังคนให้โลภโดยไม่รู้ตัว เราแสดงชีวิตของคนรวยที่มีความสุขสบาย และ “คนรวยทำอะไรก็ไม่น่าเกลียด” มันกลายเป็นค่านิยมที่ใครๆ จดจำฝังในจิตใต้สำนึก แล้วตั้งเป้าหมายในชีวิตไว้ที่ความรวย
เมื่อเป้าหมายคือความรวย หลายคนก็กล้าทำอะไรก็ได้เพื่อบรรลุเป้าหมายนั้น ความซื่อสัตย์กลายเป็นความเชยคร่ำครึ
ความโลภคือโซ่ตรวนที่พันธนาการเราทีละชั้นๆ บางคนไม่ได้โกงใคร แต่ทำบุญทำทานด้วยความโลภ หวังผลตอบแทนจากเทวดา ก็เป็นโซ่ตรวนอีกอย่างหนึ่ง
ผลการตัดสินคดีความต่างๆ เหล่านี้น่าจะทำให้ใครที่กำลังคิดหาช่องทางลัดเพื่อรวยคิดใหม่ทำใหม่ เพราะมันไม่คุ้มจริงๆ
ฐานะไม่ดีนัก แต่เป็นอิสระ ไปไหนมาไหนได้ตามสบาย ย่อมดีกว่ามีทรัพย์มากมาย แต่อยู่ในคุก มีเงินแต่ไม่ได้ใช้
มีลูกมีหลานก็เน้นเรื่องนี้เป็นพิเศษ เพราะค่านิยมสังคมเรื่องความอยากรวยนี่มันแย่จริงๆ
ซื่อแม้ไม่รวย แต่สบายใจกว่าเยอะ เชื่อเถอะ
ขึ้นศาลไม่สนุกหรอก ตัวอย่างมีมากมาย ชีวิตของการถูกจับได้นี้คือนรกนั่นเอง ที่สำคัญคือมันทำลายทั้งครอบครัว
ตัวอย่างคลาสสิกคือนายรักเกียรติ สุขธนะ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข เขาเป็นรัฐมนตรีคนแรกที่ต้องโทษจำคุกในคดีทุจริตรับสินบน เขาหนี ใช้ชีวิตเหมือนอยู่ในนรก หลบๆ ซ่อนๆ แต่ก็หนีไม่ได้นาน
หลังจากออกจากคุก เขาก้าวเข้าสู่ร่มกาสาวพัสตร์
พระรักเกียรติ รักขิตะธัมโม ให้สัมภาษณ์ว่า “ก็เอาชีวิตของตัวเองมาเป็นตัวอย่างว่า มันผิดพลาดยังไง ชีวิตเราเจริญก้าวหน้ามาทางด้านการเมือง ประสบความสำเร็จพอสมควร อายุก็ไม่มาก วันหนึ่งเราหลงใหล เราตกอยู่ใต้กิเลส ตกอยู่ในการครอบงำของอบายมุขต่างๆ สิ่งเหล่านี้มันเป็นความเสื่อม…
“อยากให้คนทั้งหลายรู้ว่า ถ้าใช้ชีวิตด้วยความประมาท อาจตกอยู่ภายใต้การครอบงำของกิเลสที่พอกพูนขึ้น ก็ทำให้เราอยู่ในอบายมุข ขณะอยู่ในอบายนั้นก็มีความสุข ได้กินเหล้า มีผู้หญิงหลายคน เที่ยวเล่นการพนัน แต่มันเป็นความสุขที่ไม่ยั่งยืน เดี๋ยวก็เสื่อม ทำให้ชีวิตเราตกต่ำ ห้าปีที่อยู่ในเรือนจำก็ได้เห็นมาหมด เหมือนเราตกนรกทั้งเป็น…
“เมื่อก่อนเรามีหมด อยากได้อะไรก็ได้ แต่เดี๋ยวนี้เราติดคุก ไม่มีอะไรสักอย่าง แม้แต่ครอบครัวก็แตกสามัคคี ผลกระทบมันโดนกับตัวเราเอง และคนที่อยู่รอบข้างเราด้วย คนที่มันผิดพลาด พลั้งเผลอไป มันก็พังทลายหมด”
นักข่าวถามว่า “ชีวิตที่ผ่านมาจนถึงวันนี้ รู้สึกอย่างไรกับสิ่งที่เกิดขึ้น?”
คำตอบคือ “เสียใจไม่รู้ธรรมะพระพุทธเจ้า ถ้ารู้เราคงไม่ติดคุก”
.…………………
วินทร์ เลียววาริณ
เฟซบุ๊ค https://www.facebook.com/winlyovarin/
อ่านข่าวศาลพิพากษาลงโทษคนหลายคนข้อหาคดโกงในช่วงอาทิตย์สองอาทิตย์นี้แล้ว แปลกที่มิได้เกิดความรู้สึกสมน้ำหน้าแต่อย่างไร มี…
โพสต์โดย วินทร์ เลียววาริณ บน 29 สิงหาคม 2017